Thursday, September 17, 2015

ประเพณีสารทเดือนสิบ








                ทำบุญเหอ               ทำบุญวันสารท
          ยกหฺมฺรับดับถาด           ไปวัดไปวา
         พองลาหนมแห้ง            ตุ้งแตงตุ๊กตา
                    ไปวัดไปวา              สาเสดเวทนา   เปรต...เหอ

             เพลงร้องเรือเกี่ยวกับการทำบุญวันสารท


  ความสำคัญ



เป็นความเชื่อของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดภาคใต้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช

ที่เชื่อว่าบรรพบุรุษอันได้แก่ ปู่ย่า ตายาย และญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว หากทำความชั่วจะตกนรก
กลายเป็นเปรต 
ต้องทนทุกข์ทรมานในอเวจี ต้องอาศัยผลบุญที่ลูกหลานอุทิศส่วนกุศลให้แต่ละปีมายังชีพ 
ดังนั้นในวันแรม ๑ ค่ำเดือนสิบ คนบาปทั้งหลายที่เรียกว่าเปรตจึงถูกปล่อยตัวกลับมายังโลกมนุษย์
เพื่อมาขอส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่น้อง และจะกลับไปนรกในวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือนสิบ 
 ในโอกาสนี้เองลูกหลานและผู้ยังมีชีวิตอยู่จึงนำอาหารไปทำบุญที่วัด เพื่ออุทิศส่วนกุศล
ให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว 
 เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที
าระ

ประเพณีสารทเดือนสิบมีสาระสำคัญหลายประการ ดังนี้
๑. เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ที่ได้อบรมเลี้ยงดูลูกหลาน
 เพื่อตอบแทนบุญคุณ ลูกหลานจึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
๒. เป็นโอกาสได้รวมญาติที่อยู่ห่างไกล ได้พบปะทำบุญร่วมกันสร้างความรักใคร่สนิทสนมในหมู่ญาติ
๓. เป็นการทำบุญในโอกาสที่ได้รับผลผลิตทางการเกษตรที่เริ่มออกผลเพราะ
เชื่อว่าเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
และครอบครัว
๔. ฤดูฝนในภาคใต้จะเริ่มขึ้นในปลายเดือนสิบ พระภิกษุสงฆ์บิณฑบาตยากลำบาก 
 ชาวบ้านจึงจัดเสบียงอาหาร
นำไปถวายพระในรูปของหฺมฺรับ ให้ทางวัดได้เก็บรักษาเป็นเสบียงสำหรับพระภิกษุสงฆ์ในฤดูฝน
สารทเดือนสิบ
                       พีธีกรรม เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบ ซึ่งถือว่าเป็นวันที่พญายมปล่อยตัวผู้ล่วงลับ
ไปแล้วที่ (เรียกว่า "เปรต") มาจากนรก สำหรับวันนี้บางคนก็ประกอบพิธี บางคนจะประกอบพิธีใน
วันแรม 13 ค่ำ 14 ค่ำ และ 15 ค่ำ โดยการนำอาหารไปทำบุญที่วัดเรียกว่า "หมรับเล็ก" เป็นการต้อนรับ

บรรพบุรุษ และญาติมิตรที่ขึ้นมาจากนรกเท่านั้น

                  การเตรียมการสำหรับประเพณีสารทเดือนสิบ เริ่มขึ้นในวันแรม 13 ค่ำ เดือน 10 วันนี้ 
 เรียกว่า "วันจ่าย" เป็นวันที่เตรียมหมรับ และจัดหมรับ คือการเตรียมสิ่งของต่าง ๆ ที่ใช้ในการจัดหมรับ 
เมื่อได้ของตามที่ต้องการแล้วก็เตรียมจัดหมรับ การจัดหมรับแต่เดิมใช้กระบุงเตี้ย ๆ ขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ได้

 แต่ภายหลังใช้ภาชนะได้หลายชนิด เช่น กระจาด ถาด กะละมัง ถัง หรือ กระเชอ สำหรับสิ่ง

                  การจัดหมรับ ชั้นแรกใส่ข้าวสารรองกระบุงแล้ว

ใส่หอม กระเทียม พริก เกลือ กะปิ น้ำตาล และเครื่องปรุงอาคาว หวาน

ที่เก็บไว้ได้นาน ๆ เช่น มะพร้าว ฟัก มัน กล้วย (ที่ยังไม่สุก) อ้อย ข้าวโพด ข่า ตะไคร้ ขมิ้น 
 และพืชผักอื่น ๆ นอกจากนั้นก็ใส่ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันก๊าดไต้ 
ไม้ขีดไฟ หม้อ กะทะ ถ้วยชาม เข็ม ด้าย เครื่องเชี่ยนหมาก ได้แก่ 
 หมาก พลู ปูน กานพลู การบูน พิมเสน สีเสียด ยาเส้น บุหรี่ ยาสามัญประจำบ้าน ธูปเทียน 

แล้วใส่สิ่งอันเป็นหัวใจอันสำคัญของหมรับคือ ขนม 5 อย่างมี ดังนี้

ขนมลา เป็นสัญลักษณ์แทนแพรพรรณเครื่องนุ่งห่ม
                         
ขนมพอง เป็นสัญลักษณ์แทนแพสำหรับบุรพชน ใช้ลอ่งข้ามห้วงมหรรณพ


                    
ขนมบ้า เป็นสัญลักษณ์แทนสะบ้า สำหรับบุรพชน


จะได้ใช้เล่นสะบ้า ในวัน สงกรานต์

ขนมกง (ขนมไข่ปลา) เป็นสัญลักษณ์แทนเครื่องประดับ

ขนมดีซำ เป็นสัญลักษณ์แทนเงินเบี้ย สำหรับใช้สอย





ความเป็นมาของประเพณีสารทเดือนสิบ



ระเพณีสารทเดือนสิบสันนิษฐานว่าเป็นประเพณีที่รับอิทธิพลมาจากวัฒธรรมอินเดีย

กับประเพณอื่นอีกหลายประเพณีที่ชาวนครฯรับมา ทั้งนี้เพราะว่าชาวนครติดต่อกับอินเดียมานาน
 ก่อนดินแดนส่วนอื่น ๆ ของประเทศไทย วัฒธรรมและอารยธรรม

ของอินเดียส่วนใหญ่จึงถ่ายทอดมายังเมืองนครเป็นแห่งแรกแล้วค่อย ๆ ถ่ายทอดไปยังเมืองอื่น ๆ

และภูมิภาคอื่น ๆ ในประเทศไทย
ประเพณีสารทเดือนสิบเป็นประเพณีที่วิวัฒนาการมาจาก ประเพณี " เปตพลี " ของศาสนาพราหมณ์

 กล่าวคือในศาสนาพราหมณ์มีประเพณีอยู่ประเพณีหนึ่ง เรียกว่า " เปตพลี " เป็นประเพณีที่
จัดทำขึ้นเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย ประเพณีนี้ปฏิบัติต่อเนื่องกันมาในอินเดีย

ก่อนสมัยพุทธกาล

คำว่า " แปต " เป็นภาษาบาลีตรงกับคำว่า " เปรต " ในภาษาสันสกฤตแปลว่า " ผู้ไปก่อน " 

หมายความถึงบรรพบุรุษที่ตายไปแล้ว

ของใคร ๆ ทุกคน ถ้าเป็นคนดี พญายมซึ่งเป็นเจ้าแห่งความตายจะพาวิญญาณ
ไปสู่แดนอันเป็นบรมสุขไม่มาเกิดอีกแดนนี้อาจจะอยู่ทิศใต้
แคนเดียวกับยมโลก ตามความเชื่ออันเป็นความเชื่อดังเดิมที่สุดของพราหมณ์ซึ่งมี
ปรากฏในพระเวท อันเป็นคัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์ ต่อมาพราหมณ์ได้เกิด
ความเชื่อชิ้นใหม่ คือความเชื่อ เกี่ยวกับนรก ดังนั้นชาวอินเดียจึงเกรง
ว่าบรรพบุรุษที่ตายอาจจะไปตกนรกก็ได้หากคนไม่ช่วย 
 วิธีการช่วยไม่ให้คนตกนรกก็คือ การทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เรียกว่า
พิธีศราทธ์ ซึ่งกำหนดวิธีการทำบุญไว้หลายวิธี หากลูกหลานญาติมิตร
ไม่ทำบุณอุทิศส่วนกุศลไปให้บรรพบุรุที่ตายไป
เป็นเปรตจะได้รับความอดยากมาก ดังนั้น การทำบุญทั้งปวงที่ทำ
เพื่ออุทิศผลไปให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเรียกว่า
ทำบุญทักษิณานุปทานหรือเปตพลี นั้นล้วนเป็นความเชื่อที่มีเค้ามาจากเรื่องเปรต
ของพราหมณ์ทั้งสิ้น
     
ประเพณีสารทเดือนสิบมีขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้


      1. เนื่องมาจากความเชื่อทางพุทธศาสนา เชื่อว่าในปลายเดือนสิบ
ปูย่า ตายาย ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว และคนบาปทั้งหลายที่ตกนรก จะถูกปล่อยจาก
นรกให้ขึ้นมาพบญาติพี่น้องในวันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบ และให้กลับไปนรก
ดังเดิมในวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ ดังนี้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็พยายามหา
อาหารต่าง ๆ ไปทำบุญที่วัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับที่ขึ้นมาจากนรก
2. เป็นการทำบุญเนื่องจากความชื่นชมยินดีในโอกาศที่ได้รับผลิตผลทางการเกษตร
 3. เพื่อนำพืชผลต่าง ๆ ที่ได้รับจากการเกษตรไปทำบุญสำหรับ
พระภิกษุจะได้เก็บไว้เป็นเสบียงในฤดูฝน ซึ่งจะเริ่มในตอนปลายเดือนสิบ
4. เพื่อเป็นการแสดงความรื่นเริงและสนุกสนานประจำปีร่วมกัน
เพราะความภาคภูมิใจ ความสุขใจ และความอิ่มใจ ที่ได้ปฏิบัติการ
ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ ญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้ว 

       ประเทศไทยต่างก็ตั้งตาคอยพร้อมเตรียมตัวที่จะหาโอกาสไปร่วมงานบุญนี้

ชาวเมืองนครส่วนใหญ่มักมีใจผูกพันอยู่กับประเพณีสารทเดือนสิบ
ด้วยความตื่นเต้นทั้งคนหนุ่ม คนแก่และเด็ก หากชาวเมืองนครคนใด
ไปอยู่ไกลบ้านไกลเมือง เมื่อใกล้จะถึงเทศกาลสารทเดือนสิบมักรีบ
เตรียมตัวกลับบ้านเกิดเมืองนครของตน เพื่อมาร่วมในเทศกาลสารท
เดือนสิบด้วยสามัญสำนึกฝังแน่นอยู่ในหัวใจ ไม่มีเหตุผลใดหรือความ
บังเอิญอื่นใดบังคับให้กลับ แค่เป็นไปด้วยความสมัครใจจนเป็นประเพณี
ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ ประเพณีสารทเดือนสิบเมืองนคร
จึงเป็นประเพณีที่สำคัญควบคู่กับเมืองนคร จนกล่าวได้ว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรม
 คู่บ้านคู่เมืองนคร

กล่าวโดยสรุป ประเพณีทำบุญเดือนสิบเป็นประเพณีเนื่องในพุทธศาสนา
ที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวภาคใต้ โดยเฉพาะชาวอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
ถือว่าเป็นประเพณีที่สำคัญที่สุดในบรรดาประเพณีทั้งหมดในรอบปี     
 ประเพณีทำบุญเดือนสิบยังมีวัฒนธรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับประเพณีอื่น 
 ดังนั้นการศึกษาประเพณีทำบุญเดือนสิบของชาวอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช 
 จึงช่วยให้เห็นวิถีชีวิตวามเป็นอยู่ของชาวอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช 
 วัฒนธรรมของชาวไทยภาคใต้โดยส่วนรวมอีกด้วย
  



เอกสารอ้างอิง :
นครศรีธรรมราช,สำนักงานจังหวัด. 2532. 
นครศรีธรรมราช 32. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ ดี แอล เอส.
 เบญจมราฃูทิศนครศรีธรรมราช . 2542. 100 ปี 
 เบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทม์พริ้นติ้ง.
ประเพณีสำคัญของชาวนครศรีธรรมราช : 2528. กรุงเทพฯ : กรุงสยามการพิมพ์.
สมพงษ์  เกรียงไกรเพชร. 2540. 
บันทึกประเพณีภาคใต.้ กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ดอกหญ้า.
สำนักงานโบราณคดี 
และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 11 
นครศรีธรรมราช กรมศิลปากร. 2542. 
ประวัติศาสตร์ โบราณคดี นครศรีธรรมราช. บริษัท เอ.พี. กราฟิค ดี ไซน์ และการพิมพ์จำกัด .
้้ http:// www.trangzone.com/prapanee (เข้าถึง 25 ก.ค.50)